OPPO แบรนด์เทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกได้จัดงาน OPPO Developer Conference (ODC) ผ่านทางออนไลน์ ภายใต้หัวข้อ “For a Future of Convergence” โดยภายในงาน OPPO ได้เปิดตัว ColorOS 11 อย่างเป็นทางการในประเทศจีน พร้อมประกาศวิสัยทัศน์ทางด้านอุปกรณ์ IoT “ให้คุณสนุกไปกับชีวิตที่ชาญฉลาดและยอดเยี่ยม” นอกจากนี้ ยังได้นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ อีกด้วย
“ในฐานะที่เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ให้บริการฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์แบบครบวงจรทั่วโลก เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับนักพัฒนาที่โดดเด่นทั่วโลกในการร่วมกันสร้าง ecosystem ใหม่ บนประสบการณ์การใช้การอินเตอร์เน็ต” Henry Duan, Vice President และ President of Internet Services ของ OPPO กล่าว “เราจะทำงานร่วมกันกับนักพัฒนาและเหล่าพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อค้นหา Internet ecosystem ที่เปิดกว้างและครบวงจร รวมถึงมอบประสบการณ์ที่อัจฉริยะและไหลลื่นมากขึ้นให้แก่ผู้ใช้ทั่วโลก
ColorOS มีผู้ใช้งานทั่วโลกแล้วมากกว่า 370 ล้านคนต่อเดือน จากการสะสมจำนวนผู้ใช้งานจำนวนมากในแอปพลิเคชั่น การบริการ และ content ecosystem นอกจากนี้ ยังมีนักพัฒนากว่า 140,000 คน เข้าใช้แพลตฟอร์มแบบเปิดของ OPPO และ มีจำนวนเข้าใช้งานในบริการแบบเปิดจาก OPPO มากกว่า 18 พันล้านครั้งต่อวัน ซึ่ง ecosystem ของแอปพลิเคชั่นทั่วโลกของ OPPO นั้นยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยผู้ใช้งานมากกว่า 330 ล้านคนต่อเดือนและใช้บริการมากกว่า 1.7 พันล้านครั้งต่อวัน
การประกาศ “seven system-level capability exposure engines” หรือ เจ็ดเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบ พร้อมคงความปลอดภัยด้านการใช้งาน ในฐานะ OEM รายแรกที่ให้บริการ Android 11 แก่ผู้ใช้ OPPO จึงหวังที่จะสร้างประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีที่ไหลลื่นให้แก่ผู้ใช้ผ่านเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น เพื่อให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงระบบของ OPPO ได้ดียิ่งขึ้น ColorOS จึงเปิดเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบอีก 2 เครื่องมือ คือ AIUnit และ FusionUnit ส่วนอีก 5 เครื่องมือนั้น ประกอบด้วย CameraUnit, MediaUnit, Hyper Boost, Link Boost, และ ARUnit ซึ่งเครื่องมือทั้งเจ็ดใน ColorOS นี้จะทำให้นักพัฒนาสามารถพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้ทางด้านเทคโนโลยีได้ดียิ่งขึ้น
ColorOS 11 ถือเป็น ColorOS รุ่นที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยคอนเซ็ปต์การออกแบบแบบ “ไร้ขอบเขต” ในการใช้งานและการเชื่อมต่อเพื่อมอบประสบการณ์ที่ไหลลื่น เชื่อมต่อได้หลากหลายอุปกรณ์ และใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์ อีกทั้ง เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้และความปลอดภัยของ ecosystem ทำให้ ColorOS 11 ที่ทำงานบน Android 11 ใหม่ เพิ่มตัวเลือกในการป้องกันความปลอดภัยและเพิ่มฟีเจอร์ในการป้องกันความปลอดภัยด้านข้อมูล นอกจากนี้ ColorOS ยังได้รับการรับรองจากองค์กรมาตรฐานระดับโลก อาทิ ISO และ ePrivacy ที่แสดงถึงมาตรฐานอุตสาหกรรมสูงสุดในด้านการปกป้องความเป็นส่วนตัว
3 สถานการณ์หลัก ที่จะมอบประสบการณ์อันชาญฉลาดและยอดเยี่ยมให้แก่ผู้ใช้
ด้วยการเริ่มต้นของยุค IoT ( Internet of Things ) OPPO จะมุ่งเน้นไปที่สถานการณ์การใช้งานสามแบบตามความต้องการหลักของผู้ใช้ คือ ความบันเทิงเฉพาะบุคคล เครื่องใช้ในบ้านและของตกแต่ง รวมไปถึงด้านกีฬาและสุขภาพ นอกจากนี้ ด้วยรูปแบบผลิตภัณฑ์ IoT ที่หลากหลายและความร่วมมือกันในด้านระบบนิเวศ ผู้ใช้จะสามารถเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตแบบอัจฉริยะในสถานการณ์ที่หลากหลายได้หลายอุปกรณ์ ด้วยแนวคิดนี้จึงทำให้ OPPO เปิดตัว HeyTap Health Platform เป็นครั้งแรกเพื่อเสริมสร้าง OPPO IoT ecosystem
นอกจากนี้ OPPO ได้เปิดตัว “แผนการเปิดใช้งาน IoT 2.0 (IoT Enablement Plan 2.0) ” ในการประชุมครั้งนี้ด้วย โดย OPPO เป็นผู้นำในการลงทุนทรัพยากร 29.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสนับสนุนพันธมิตรในด้านระบบนิเวศในระยะยาวทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ เทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ การตลาด และช่องทาง ในขณะเดียวกัน สำหรับการใช้ประโยชน์จากระบบการเปิดใช้งานทั้งห้าของแพลตฟอร์ม HeyThings IoT นั้น OPPO จะเริ่มต้นสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จะทำลายกำแพงระหว่างเทคโนโลยีและประสบการณ์เพื่อมอบ “ชีวิตที่ชาญฉลาดและยอดเยี่ยมให้กับผู้ใช้”
สำหรับแผนการเปิดใช้งาน IoT แผนแรกของ OPPO ได้เปิดตัวขึ้นในงาน ODC 2019 แสดงให้เห็นถึงความสามารถทางเทคนิคของ OPPO IoT ecosystem ที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้น โดยบริษัทได้เปิดตัวอุปกรณ์อัจฉริยะหลายรุ่นอย่างต่อเนื่อง อาทิ OPPO Enco Series, OPPO Watch และ 5G CPE รวมไปถึงการทำงานร่วมกันกับแบรนด์ที่มีชื่อเสียงมากกว่า 30 แบรนด์ในอุตสาหกรรม พร้อมมอบประเภทผลิตภัณฑ์กว่า 50 ประเภท และหน่วยผลิตภัณฑ์ (SKU) มากกว่า 300 หน่วย
การมุ่งเน้นระบบนิเวศสามโมดูลเพื่อสนับสนุนนักพัฒนา
เป็นเวลานานที่ OPPO ได้พัฒนา Internet ecosystem อย่างต่อเนื่อง ด้วยแพลตฟอร์มแบบเปิดของ OPPO ที่ถือเป็นเสมือนหน้าต่างและความต้องการของผู้ใช้เป็นหลัก ทางบริษัทจึงสร้างโมดูลระบบนิเวศ 3 โมดูล ได้แก่ แอปพลิเคชัน บริการ และเนื้อหาเพื่อให้บริการแบบครบวงจรให้แก่นักพัฒนาซึ่งครอบคลุมวงจรของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด
การพัฒนาธุรกิจคอนเทนต์ เป็นสิ่งที่สำคัญมากขึ้นด้วยการสนับสนุนของพาร์ทเนอร์ชั้นนำในอุตสาหกรรม โดยความร่วมมือระหว่าง OPPO และแพลตฟอร์มเนื้อหาคุณภาพสูงระดับโลกอย่าง Vision และ Dailymotion ทำให้ผู้ใช้ content ecosystem ของ OPPO เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้ใช้งานต่อเดือนมากกว่า 280 ล้านคน และการแสดงผลเนื้อหารายวันโดยเฉลี่ยมากกว่า 10,000 ล้านคน
ในปัจจุบันด้วยความนิยมใน 5G ที่เพิ่มมากขึ้น จึงเป็นส่วนให้การรวมกันของ 5G และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เช่น AI, AR และการประมวลผลแบบคลาวด์เกิดรูปแบบประสบการณ์และบริการใหม่ๆ ในฐานะบริษัทเทคโนโลยีที่ให้บริการทั่วโลกรวมถึงการบริการด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ OPPO จะยังคงมุ่งเน้นไปที่ความต้องการของผู้ใช้ทั่วโลกโดยยังยึดมั่นในปรัชญาการดำเนินธุรกิจแบบ “win-win” สนับสนุนนักพัฒนาและพาร์ทเนอร์ระดับโลกอย่างครอบคลุมตั้งแต่การเปิดกว้างด้านความสามารถไปจนถึงการลงทุนด้านทรัพยากร โดยทำงานร่วมกันเพื่อสร้าง ecosystem บนอินเทอร์เน็ตที่พร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ให้คุณได้สัมผัส
September 25, 2020 at 07:18PM
https://ift.tt/36999jq
OPPO ยกระดับประสบการณ์อัจฉริยะและการเชื่อมต่อในหลากหลายอุปกรณ์ ด้วยการร่วมมือกับเหล่าพันธมิตรและนักพัฒนา - iphone-droid.net
https://ift.tt/3cQTmFE
Bagikan Berita Ini
0 Response to "OPPO ยกระดับประสบการณ์อัจฉริยะและการเชื่อมต่อในหลากหลายอุปกรณ์ ด้วยการร่วมมือกับเหล่าพันธมิตรและนักพัฒนา - iphone-droid.net"
Post a Comment