“ที สปอร์ต” สู่ ทีวีดิจิทัล จุดเปลี่ยนกีฬาไทย? - ไทยรัฐ

นำออกไปเผยแพร่ให้ประชาชน ได้รับทราบ ได้รับรู้ นี่จึงเป็นที่มาของการประชุมคณะกรรมการจัดตั้งสถานีโทรทัศน์เพื่อการท่องเที่ยวและกีฬา”

ข้อความดังกล่าว นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้กล่าวเอาไว้ เมื่อครั้งเริ่มเดินหน้าศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งสถานีเพื่อการท่องเที่ยวและกีฬา ในการประชุมคณะทำงาน เมื่อวันที่ 16 ก.ย.2563

จนล่าสุด เมื่อปลายเดือน มี.ค.2564 ที่ผ่านมา “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้เผยข่าวดีในเรื่องนี้

โดยระบุว่า หลังจากทางกระทรวงได้ยื่นเรื่องไปยัง กสทช. เพื่อขอทดลองออกอากาศ ทาง กสทช. ได้เห็นชอบให้ที สปอร์ต ทดลองออกอากาศ ทางทีวีดิจิทัล ผ่านช่องหมายเลข 7 ได้เป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือน พ.ค.นี้ เป็นต้นไป

ผู้ว่าการ กกท.กล่าวต่อว่า ที สปอร์ต จะเป็นช่องกีฬา ออกอากาศตลอด 24 ชั่วโมง ในระบบ HD โดยเป็นช่องทีวีสาธารณะ ไม่แสวงหากำไร

รายได้จะมาจากการขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล เช่น จาก กกท., จากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ไม่มีสปอนเซอร์ในรูปแบบธุรกิจ แต่มีการตอบแทนผู้สนับสนุนกิจกรรมของ กกท. ในรูปแบบ CSR เพื่อประโยชน์สังคม

สำหรับรูปแบบและโครงสร้างของช่องจะปรับใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เกิดความทันสมัย และเข้าถึงกลุ่มผู้ชมได้ง่ายขึ้น ซึ่งกลุ่มเป้าหมายเป็นสมาคมกีฬา นักกีฬาประเภทต่างๆ ประชาชนทั่วไป ที่เล่นกีฬาในชีวิตประจำวัน ประชาคมกีฬา ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับกีฬา และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

สัดส่วนเนื้อหารายการของช่องนี้ ร้อยละ 80 เป็นด้านการกีฬาและท่องเที่ยวเชิงกีฬา ร้อยละ 15 เป็นด้านการท่องเที่ยวชุมชน และร้อยละ 5เป็นด้านอื่นๆ เช่น สุขภาพ และพัฒนาสังคม

ดร.ก้องศักดกล่าวต่อว่า จุดเด่นของช่องที สปอร์ต ในระบบทีวีดิจิทัล จะทำให้เพิ่มพื้นที่ให้กับสมาคมกีฬาต่างๆ ในการประชาสัมพันธ์กิจกรรมกีฬาของตนเองได้มากขึ้น

อีกทั้งกีฬาหลายๆอย่าง เช่น กีฬาแห่งชาติ กีฬาเยาวชนแห่งชาติ กีฬาผู้สูงอายุ กีฬาคนพิการ ก็จะได้รับโอกาสสำคัญ จะมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาเหล่านี้ให้ประชาชนได้รับทราบมากกว่าเดิม

ต่อข้อถาม ในช่วงทดลองออกอากาศ 6 เดือนแรก จะดำเนินการอย่างไร ผู้ว่าการ กกท.กล่าวต่อว่า จะพยายามใส่เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับกีฬาเข้าไปให้มากที่สุด โดยแฟนๆกีฬาจะได้รับชมกีฬาโอลิมปิก โตเกียว 2020 เดือน ก.ค. และพาราลิมปิก โตเกียว 2020 เดือน ส.ค. ผ่านช่องที สปอร์ต

จะได้ร่วมกันส่งกำลังใจเชียร์ทัพนักกีฬาไทย ไปพร้อมๆกัน

ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกของการทดลองออกอากาศ กสทช. จะมีการประเมินผลว่าเราทำได้ตามวัตถุประสงค์ที่ให้ไว้หรือไม่ เรตติ้ง ความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างไร เป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม การแจ้งเกิดของที สปอร์ต ผ่านทางระบบทีวีดิจิทัล หมายเลข 7 ในครั้งนี้ ก็ไม่ได้สวยหรูไปเสียหมด เมื่อคนวงการทีวี เกิดคำถามขึ้นมากมายกับทีวีช่องนี้

เกิดข้อเปรียบเทียบว่า ทีวีดิจิทัลช่องอื่นๆต้องเสียเงินประมูลไปมหาศาล ต้องบริหารจัดการกันเอง แต่กับช่องนี้ มีเงินงบประมาณรอให้ใช้อย่างสบายๆ ค่าใช้จ่ายไม่ต้องมากมาย และอีกหน่อยเอกชนก็ไม่สามารถไปประมูลซื้อลิขสิทธิ์กีฬาใดๆได้ เพราะเหมือนที สปอร์ต จะจอง จะผูกขาด

ประเด็นเหล่านี้ ดร.ก้องศักดกล่าวว่า รับทราบถึงความกังวลดังกล่าวเป็นอย่างดี แต่ขอเรียนว่า เราดำเนินการในรูปแบบทีวีสาธารณะ รูปแบบเดียวกับช่องไทยพีบีเอส ที่ไม่มีการขายโฆษณา ไม่แสวงหากำไรใดๆ

เงินงบประมาณที่เราวางไว้ว่าจะมาจากกองทุนฯ ก็นำไปใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ที่สำคัญการทำงานจะไม่กระทบกับทีวีช่องอื่นๆ แน่นอน ที สปอร์ต จะไม่แข่งขันกับทีวีช่องอื่นอย่างเด็ดขาด ในทางตรงกันข้ามเราจะประสานร่วมทำงานกับทุกๆช่อง ทุกๆภาคส่วน

เรื่องลิขสิทธิ์กีฬา ที สปอร์ต จะให้เอกชนดำเนินการทั้งประมูลซื้อ นำมาเผยแพร่ได้ตามปกติ ให้สิทธิ์เอกชนก่อน ช่องไหนมีลิขสิทธิ์กีฬาใดอยู่ เราจะไม่เข้าไปเกี่ยว จะไม่เข้าไปแย่งทำ

แต่ถ้าสุดท้ายแล้ว หากการแข่งขันกีฬาระดับมหกรรมสำคัญๆ ที่ กสทช.กำหนดไว้ ทั้งมัสต์แฮฟและมัสต์แครี่ เมื่อใกล้วันแข่งขันยังไม่มีเอกชนรายใดดำเนินการประมูลซื้อมา ที สปอร์ต ก็พร้อมที่จะเข้าไปดำเนินการแทน เพื่อให้ประชาชนได้รับชม

ส่วนรายการกีฬา ที่ กกท.ให้การสนับสนุนอยู่ในช่องอื่นๆ เราก็ยังคงสนับสนุนให้มีรายการดังกล่าวต่อไปเหมือนเดิม ไม่ได้มีการยกเลิก แล้วนำมาลงที่ที สปอร์ต อย่างเดียว

ทั้งหมดนี้ เป็นความคืบหน้าของการจัดตั้งสถานีโทรทัศน์เพื่อการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งสุดท้ายแล้วใช้ชื่อว่า ช่องที สปอร์ต

ช่องนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เป็นการยกระดับวงการกีฬาไทยขึ้นไปอีกขั้น หรือจะเป็นอย่างที่คนวงการทีวีกังวล แสดงความเป็นห่วงเอาไว้ หรือไม่ อย่างไร

ผลงานเท่านั้น จะเป็นเครื่องพิสูจน์...

กัญจน์ ศิริวุฒิ เรื่อง

Let's block ads! (Why?)