"การใช้เงินซื้อความสำเร็จ" เป็นประโยคที่มักจะถูกใช้บ่อยๆ ในวงการกีฬาตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในโลกฟุตบอล เพราะสมัยนี้มันมีการใช้งบในการทำทีมมากกว่าสมัยก่อนจนหลายคนมองว่าทีมที่พึ่งพาการปั้นเยาวชนเกิน 50-60 เปอร์เซ็นต์น่าจะประสบความสำเร็จได้ยาก
อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่ว่าแค่มีเงินเยอะแล้วคุณจะได้ทุกอย่างมาครองง่ายๆ ถ้าใช้เงินแบบสุรุ่ยสุร่ายหรือซื้อคนที่ไม่เหมาะสมมาร่วมทีมมันก็จะกลายเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ และที่ผ่านมาก็มีตัวอย่างให้เห็นแล้วว่าบางทีมถึงขั้นต้องล้มละลายหลังจากที่ใช้เงินแบบไร้แนวทางที่เหมาะสม
ทั้งนี้ วันนี้เราจะมาลองดูกันว่าในช่วง 1 ทศวรรษที่ผ่านมานั้น บิ๊ก 6 ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แต่ละทีมใช้งบประมาณด้านการเสริมทัพได้คุ้มมากแค่ไหนหากเทียบกับความสำเร็จอันเป็นรูปธรรมที่เรียกว่า "แชมป์" โดยจะเป็นการเปรียบเทียบส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับในด้านการซื้อ-ขายนักเตะต่อแชมป์ 1 ถ้วยในช่วง 10 ปีหลังสุด และจะเรียงลำดับจากทีมที่ใช้เงินซื้อแชมป์แบบคุ้มค่าน้อยที่สุดไปหามากที่สุดด้วย
อันดับ 6 : สเปอร์ส
แน่นอนว่าถ้าเอาไปเทียบกับถ้วยแชมป์ "ไก่เดือยทอง" ก็ใช้เงินไปกับความสำเร็จได้ไม่คุ้มค่ามากที่สุด เพราะตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมาพวกเขาไม่มีแชมป์รายการใหญ่ๆ ติดมือแม้แต่รายการเดียว โดยในช่วงเวลาที่ผ่านมาพวกเขามีส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับจากการซื้อ-ขายนักเตะอยู่ที่ 168.02 ล้านยูโร
ถ้าจะบอกว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ สเปอร์ส ยังห่างเหินจากความสำเร็จเป็นเพราะช่วง 1 ทศวรรษมานี้พวกเขายังเน้นขายนักเตะเป็นหลักจนทำให้ทีมขาดความต่อเนื่องก็คงไม่ผิด เพราะถึงแม้จะจ่ายค่าตัวซื้อนักเตะไปรวมแล้ว 790.26 ล้านยูโร แต่พวกเขาก็ขายแข้งไปเยอะจนทำให้มีรายรับด้านนี้ถึง 622.24 ล้านยูโรด้วยกัน
รายจ่ายจากการซื้อ - 790.26 ล้านยูโร
รายรับจากการขาย - 622.24 ล้านยูโร
ส่วนต่าง - 168.02 ล้านยูโร
แชมป์ - 0
ค่าเฉลี่ยส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับจากการซื้อ-ขายนักเตะต่อการได้แชมป์ 1 รายการ - ไม่มี
อันดับ 5 : แมนฯ ยูไนเต็ด
1,343.61 ล้านยูโร คือจำนวนเงินที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ใช้ไปในการซื้อนักเตะตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้ถ้าเทียบกับในบรรดาท็อป 6 ด้วยกันแล้วนั้น พวกเขาเป็นทีมที่ใช้เงินเสริมทัพมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในทางตรงกันข้าม "ปีศาจแดง" ได้เงินจากการขายนักเตะเพียง 399.46 ล้านยูโร
ด้วยเหตุนี้ ส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับจากการซื้อ-ขายนักเตะของพวกเขาจึงอยู่ที่ 944.15 ล้านยูโร และถ้าเทียบเป็นค่าเฉลี่ยต่อแชมป์ 1 รายการแล้วนั้น ตัวเลขมันก็อยู่ที่ 236 ล้านยูโรต่อแชมป์ 1 ถ้วย เพราะในช่วง 1 ทศวรรษที่ผ่านมาพวกเขาได้แชมป์เพียง 4 รายการเท่านั้น
รายจ่ายจากการซื้อ - 1,343.61 ล้านยูโร
รายรับจากการขาย - 399.46 ล้านยูโร
ส่วนต่าง - 944.15 ล้านยูโร
จำนวนแชมป์ - 4
ค่าเฉลี่ยส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับจากการซื้อ-ขายนักเตะต่อการได้แชมป์ 1 รายการ - 236 ล้านยูโร
อันดับ 4 : อาร์เซน่อล
แม้ว่าในช่วง 10 ปีมานี้ อาร์เซน่อล จะได้แชมป์ 4 รายการเท่ากับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ค่าเฉลี่ยส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับจากการซื้อ-ขายนักเตะต่อแชมป์ 1 รายการของพวกเขาอยู่ที่ 117.87 ล้านยูโรต่อการได้สัมผัสถ้วยแชมป์ 1 หน ซึ่งถือว่าคุ้มค่ากว่ากรณีของ "ปีศาจแดง" เยอะ
ทั้งนี้ ในรอบ 1 ทศวรรษล่าสุดนั้น อาร์เซน่อล เสียเงินจากการซื้อนักเตะ 906.65 ล้านยูโร และขายนักเตะจนได้เงินเข้าคลัง 435.14 ล้านยูโร จนทำให้ส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับในด้านนี้อยู่ที่ 471.51 ล้านยูโร
รายจ่ายจากการซื้อ - 906.65 ล้านยูโร
รายรับจากการขาย - 435.14 ล้านยูโร
ส่วนต่าง - 471.51 ล้านยูโร
จำนวนแชมป์ - 4
ค่าเฉลี่ยส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับจากการซื้อ-ขายนักเตะต่อการได้แชมป์ 1 รายการ - 117.87 ล้านยูโร
อันดับ 3 : แมนฯ ซิตี้
ถ้าจะบอกว่า "เรือใบสีฟ้า" เป็นทีมจากลีกสูงสุดของเกาะอังกฤษที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาก็ไม่ผิดเลย เพราะพวกเขาเล่นได้สุดยอดอย่างต่อเนื่องจนได้แชมป์ไปครองรวมแล้ว 10 รายการ หรือก็คือเฉลี่ยแล้วทุกๆ 1 ปีแฟนบอลของพวกเขาจะได้ฉลองแชมป์กันอย่างสนุกสนาน
แน่นอน ความสำเร็จดังกล่าวมันไม่ใช่ว่าได้มาแบบฟรีๆ หรือมีราคาถูก แมนฯ ซิตี้ ซื้อนักเตะเป็นเงินรวมแล้ว 1,521.91 ล้านยูโร ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ขายนักเตะเป็นเงินได้ 499.72 ล้านยูโร จนทำให้ส่วนต่างอยู่ที่ 1022.19 ยูโร แต่มันก็ถือว่าคุ้มค่าเพราะถือว่าพวกเขามีค่าเฉลี่ยส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับจากการซื้อ-ขายนักเตะอยู่ที่ 102.21 ล้านยูโรต่อแชมป์ 1 ถ้วย
รายจ่ายจากการซื้อ - 1,521.91 ล้านยูโร
รายรับจากการขาย - 499.72 ล้านยูโร
ส่วนต่าง - 1,022.19 ล้านยูโร
จำนวนแชมป์ - 10
ค่าเฉลี่ยส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับจากการซื้อ-ขายนักเตะต่อการได้แชมป์ 1 รายการ - 102.21 ล้านยูโร
อันดับ 2 : ลิเวอร์พูล
ช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมาถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของ ลิเวอร์พูล พวกเขาได้แชมป์ไปครองถึง 5 รายการ และในจำนวนนั้นก็มีแชมป์รายการใหญ่อย่าง พรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกเขามีขุมกำลังที่แข็งแกร่งจนประสบความสำเร็จแบบนั้นเป็นเพราะทีมงานของพวกเขาทำการเสริมทัพได้ยอดเยี่ยม อย่างเช่นการได้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ และ อลีสซง เบ็คเกอร์ มาร่วมทัพ เป็นต้น
สำหรับส่วนต่างระหว่างเงินที่ได้จากการขายนักเตะและเงินที่ใช้ไปกับการช็อปของ ลิเวอร์พูล ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาคือ 338.04 ล้านยูโร เพราะพวกเขาควักเงินไป 999.71 ล้านยูโร และได้เงินเข้ากระเป๋า 661.67 ล้านยูโร ดังนั้นเมื่อคิดเป็นค่าเฉลี่ยส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับจากการซื้อ-ขายนักเตะต่อการได้แชมป์ 1 รายการตัวเลขมันเลยอยู่ที่ 67.6 ล้านยูโรเท่านั้น
รายจ่ายจากการซื้อ - 999.711 ล้านยูโร
รายรับจากการขาย - 661.67 ล้านยูโร
ส่วนต่าง - 338.04 ล้านยูโร
จำนวนแชมป์ - 5
ค่าเฉลี่ยส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับจากการซื้อ-ขายนักเตะต่อการได้แชมป์ 1 รายการ - 67.6 ล้านยูโร
อันดับ 1 : เชลซี
ด้วยความที่ทั้งรวยและทุ่มเทให้กับ เชลซี อย่างเต็มที่ โรมัน อบราโมวิช เลยอนุมัติเงินให้ เชลซี ใช้ในการซื้อนักเตะในช่วง 10 ปีหลังสุดมากถึง 1,465 ล้านยูโรด้วยกัน ขณะที่ฝ่ายบริหารของ เชลซี ก็ทำการขายนักเตะได้ดีในระดับหนึ่งจนทำให้ได้เงินด้านนี้ 966.56 ล้านยูโร นั่นหมายความว่าส่วนต่างมันอยู่ที่ 498.44 ล้านยูโร
ทั้งนี้ จำนวนเงินดังกล่าวแลกมากับการได้แชมป์ 8 รายการ นั่นทำให้พวกเขามีค่าเฉลี่ยส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับจากการซื้อ-ขายนักเตะอยู่ที่ 62.3 ล้านยูโรต่อการได้แชมป์ 1 หน ส่งผลให้ เชลซี เป็นบิ๊ก 6 ของ พรีเมียร์ลีก ที่ใช้เงินซื้อแชมป์ได้คุ้มค่ามากที่สุดในช่วง 1 ทศวรรษที่ผ่านมา
รายจ่ายจากการซื้อ - 1,465 ล้านยูโร
รายรับจากการขาย - 966.56 ล้านยูโร
ส่วนต่าง - 498.44 ล้านยูโร
จำนวนแชมป์ - 8
ค่าเฉลี่ยส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับจากการซื้อ-ขายนักเตะต่อการได้แชมป์ 1 รายการ - 62.3 ล้านยูโร
- เด็กเกร็ดบอล -
Getty Images
[ ไม่อนุญาตให้คัดลอกรูปภาพหรือนำไปเผยแพร่รูปภาพต่อไม่ว่าวิธีใดๆ ถ้าฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมายที่ระบุไว้สูงสุด ]
https://ift.tt/2MQ7uIx
กีฬา
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ใครคุ้มสุด ? บิ๊ก 6 พรีเมียร์ลีก กับการใช้เงินซื้อแชมป์ - สยามกีฬา"
Post a Comment