ทัพกีฬาไทย บุกโตเกียว2020 ลุ้นชิงทองโอลิมปิก
โอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กำลังจะเริ่มต้นอีกไม่กี่วันแล้ว ทัพนักกีฬาไทยทยอยเดินทางไปเตรียมตัวแข่งขันกันบ้างแล้ว และทัพชุดใหญ่ก็บินไปยังกรุงโตเกียวในวันที่ 16 กรกฎาคม ก่อนการแข่งขันจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม-8 สิงหาคม
สำหรับนักกีฬาไทยที่ได้โควต้าเข้าร่วมการแข่งขันโตเกียว 2020 มีทั้งหมด 42 คน จาก 13 ชนิดกีฬา คือ เรือใบ-วินด์เซิร์ฟ, เรือพาย, ว่ายน้ำ, กรีฑา, เทควันโด, ยูโด, ยิงปืน-ยิงเป้าบิน, เทเบิลเทนนิส, มวยสากล, กอล์ฟ, แบดมินตัน, จักรยาน และขี่ม้า
ซึ่งทัพนักกีฬาน้อยลงกว่าเมื่อ 5 ปีก่อน ที่นครรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล ที่มีไปแข่งขันถึง 54 คน ถ้าพูดกันถึงกีฬาความหวังของไทยก็ยังอยู่ที่เทควันโด, มวยสากล ที่เคยทำเหรียญรางวัลมาแล้วในหลายครั้ง
ส่วนยกน้ำหนักที่ไทยเจอการลงโทษจากการใช้สารต้องห้าม จนไม่ได้สิทธิเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ ทำให้กีฬาความหวังหายไป 1 ชนิดกีฬา ยกน้ำหนักเป็นกีฬาที่ทำเหรียญทองให้ไทยได้มากที่สุดในโอลิมปิก รวมทั้งสิ้น 5 เหรียญทอง แต่เมื่อไม่มีจอมพลังไทยมาแข่งขัน ก็ต้องยอมรับว่าโอกาสที่ไทยจะได้ 2 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง เท่ากับครั้งก่อน คงเป็นเรื่องยาก
ย้อนไปที่รีโอเกมส์ ไทยได้ 2 เหรียญทองจากยกน้ำหนัก รุ่น 48 กก.หญิง โสภิตา ธนสาร และรุ่น 58 กก.หญิง สุกัญญา ศรีสุราช รวมทั้ง 1 เหรียญเงิน จาก พิมศิริ ศิริแก้ว ในรุ่น 58 กก.หญิง และเหรียญทองแดง จาก สินธุ์เพชร กรวยทอง ในรุ่น 56 กก.ชาย เทควันโดได้ 1 เหรียญเงิน จาก เทวินทร์ หาญปราบ ในรุ่น 58 กก.ชาย และ 1 เหรียญทองแดงจาก พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ในรุ่น 49 กก.หญิง ส่วนมวยสากลสมัครเล่นพลาดเหรียญรางวัลเป็นครั้งแรกในรอบ 32 ปี โตเกียว 2020
ทัพไทยมีลุ้นเหรียญทองที่เทควันโด เทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เป็นความหวังสูงสุดของไทย เพราะครองอันดับ 1 ของโลกมาอย่างยาวนานในรุ่นของตัวเอง เคยมีประสบการณ์ในโอลิมปิกเมื่อ 5 ปีก่อนมาแล้ว ถึงแม้ครั้งนั้นจะได้เหรียญทองแดง แต่ก็ไม่เป็นเรื่องน่าผิดหวังอะไร เพราะถือว่าตอนนั้นเทนนิสเป็นจอมเตะหน้าใหม่คนหนึ่ง
นับตั้งแต่จบโอลิมปิกเกมส์ 2016 เทนนิสแพ้ไปเพียง 3 ครั้ง ในรอบ 5 ปี กวาดแชมป์มาแล้ว 18 รายการ นับตั้งแต่ปี 2019 และถ้านับรวม 5 ปีหลังสุด จอมเตะสาวคว้ามาแล้ว 27 แชมป์ ซึ่งมีแชมป์โลก 2 สมัย และเหรียญทองแดง โอลิมปิกรวมอยู่ด้วย ในฐานะมือ 1 ของโลกในรุ่น 49 กก.หญิง การไม่แพ้ใครมาต่อเนื่อง มีเวลาเตรียมตัวที่มากพอ สภาพร่างกายฟิตเต็มที่ และมีโค้ช เช ยอง ซ็อก และทีมงานคอยเคี่ยวกรำ ถ้าไม่มีอะไรพลิกล็อกมโหฬาร วันที่ 24 กรกฎาคม น่าจะได้ฟังเพลงชาติไทยในสนามเทควันโด
ขณะที่ จูเนียร์ รามณรงค์ เสวกวิหารี จอมเตะในรุ่น 58 กก.ชาย เจ้าของ 2 เหรียญทองแดงศึกชิงแชมป์โลก ได้เหรียญรางวัลมาเกือบทุกอย่างที่มีในสังเวียนเทควันโดโลกแล้ว แต่ยังไม่เคยได้สัมผัสโอลิมปิกเกมส์ จากประสบการณ์และการฟิตซ้อมมาอย่างดี ทำให้จูเนียร์เป็นหนึ่งในความหวังของไทยที่จะได้ลุ้นเหรียญใดเหรียญหนึ่งในโตเกียว 2020
เป้าบิน… เป็นกีฬาที่ถูกคาดหวังมาตลอดในโอลิมปิกหลายครั้งหลัง เพราะ ณี สุธิยา จิวเฉลิมมิตร นักแม่นปืนสาวที่ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ แรงเงิน ในการฝึกซ้อมและแข่งขันกว่า 10 ปี เพื่อเหรียญในโอลิมปิกเกมส์ แต่ก็ยังไปไม่ถึงจุดนั้น ทั้งๆ ที่เคยขยับขึ้นเป็น มือ 1 ของโลกในประเภทสกีต บุคคลหญิงมาแล้ว ได้แชมป์เวิลด์คัพมา 2 ครั้ง แชมป์เอเชีย 4 ครั้ง แชมป์เอเชี่ยนเกมส์ และรองแชมป์เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ
สุธิยา เคยคว้าอันดับ 4 ในโอลิมปิกเกมส์ 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ทำให้ยิงเป้าบินเป็นกีฬาที่ได้รับการจับตามองในโอลิมปิกครั้งต่อๆ มา แต่ในโอลิมปิกเกมส์ 2012 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และโอลิมปิกเกมส์ 2016 ณี ไม่สามารถผ่านเข้ารอบลึกๆ ไปลุ้นเหรียญได้ อย่างไรก็ตามความมุ่งมั่นของเธอยังคงเต็มเปี่ยม และประสบการณ์อันโชกโชน น่าจะทำให้โอกาสในการคว้าเหรียญเพิ่มมากกว่า 3 โอลิมปิกก่อนหน้านี้
มวยสากล… กีฬาขวัญใจคนไทย ครั้งนี้มีนักชกได้โควต้าไปแข่งขัน 5 คน ได้แก่ สด ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี, เหลิม ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด, แต้ว สุดาพร สีสอนดี, ครีม ใบสน มณีก้อน และ เฟี้ยว จุฑามาศ จิตรพงษ์อย่างไรก็ตามมีข่าวร้ายว่า ธิติสรรณ์มีอาการเจ็บเข่าทำให้ต้องถอนตัวจากการแข่งขันอย่างน่าเสียดาย ทำให้เหลือลุ้นเพียง 4 คนเท่านั้น
คนที่มีโอกาสดีที่สุดในการลุ้นเหรียญ ต้องยกให้ฉัตร์ชัยเดชา เพราะมีประสบการณ์มา 2 โอลิมปิกแล้ว ที่ผ่านมาเขาผิดหวังมาตลอด และรอบนี้ถือเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่จะได้บู๊ในกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ เพราะอายุ อานามปาเข้าไป 36 ปีแล้ว ซึ่งอายุประมาณนี้ก็เคยมีนักชกไทยที่ประสบความสำเร็จให้เห็นมาแล้ว คือ สมจิตร จงจอหอ ที่ได้เหรียญทองตอนอายุ 35 ปี เรียกได้ว่าหมัดไทยทุกรุ่นมีความน่าเกรงขามกันทั้งนั้น ถ้าการจับสลากดี หนีมือเก่งๆ ได้ในรอบแรกๆ และการวางแผนชกเข้าทาง โอกาสลุ้นเหรียญมีกันทุกคน
แบดมินตัน..เป็นกีฬาที่ลุ้นเหรียญมานาน แต่ก็ยังไม่เคยทำได้ ครั้งนี้มีทั้ง เมย์ รัชนก อินทนนท์ หญิงเดี่ยว มือ 6 ของโลก และ บาส เดชาพล พัววรานุเคราะห์ – ปอป้อ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่ผสม มือ 2 ของโลก ที่ไปเป็นตัวเต็งในการลุ้นเหรียญครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของวงการขนไก่ไทย
ส่วนกีฬาอื่นๆ อาจจะต้องลุ้นเซอร์ไพรส์ เพราะเจอคู่แข่งที่โหดๆ กันถ้วนหน้า ไม่ใช่ว่าจะลุ้นไม่ได้ ถ้าอะไรๆ เข้าทาง โอกาสได้เฮก็มีเช่นกัน สำหรับเครือมติชน-ข่าวสด ร่วมสร้างความคึกคักให้กับโตเกียว 2020 ด้วยการจัดกิจกรรม ข่าวสด-มติชน โตเกียวเกมส์ ปลุกความหวัง สร้างพลังใจ ร่วมเชียร์นักกีฬาตัวแทนประเทศไทยคว้าเหรียญทอง พร้อมลุ้นรางวัลใหญ่ รางวัลที่ 1 รถยนต์ NEW SUZUKI SWIFT GLX สีน้ำเงิน มูลค่า 629,000 บาท, รางวัลที่ 2 รถจักรยานยนต์ฮอนด้า All New WAVE110i มูลค่า 43,500 บาท จำนวน 6 รางวัล รวมมูลค่า 261,000 บาท, รางวัลที่ 3 ทองคำมูลค่า 20,000 บาท 10 รางวัล รวมมูลค่า 200,000 บาท, รางวัลที่ 4 ทองคำมูลค่า 10,000 บาท 10 รางวัล รวมมูลค่า 100,000 บาท
ท่านผู้อ่านสามารถร่วมสนุกได้ด้วยการตัดคูปองลุ้นโชคจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด มติชน และประชาชาติธุรกิจ ตอบคำถาม นักกีฬาไทย จะได้เหรียญทองหรือไม่? ส่งมาที่บริษัท ข่าวสด จำกัด เลขที่ 40/10 ถ.เทศบาลนิมิตใต้ หมู่บ้านประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 ตัดคูปองได้ตั้งแต่วันนี้-8 สิงหาคม 2564 เรียกได้ว่านอกจากเชียร์ให้นักกีฬาไทยได้เหรียญทองแล้ว ยังลุ้นโชคกันได้ตลอดการแข่งขัน
อ่านบทความและอื่น ๆ ( สกู๊ปน. 1 : ทัพกีฬาไทย บุกโตเกียว2020 ลุ้นชิงทองโอลิมปิก - มติชน )https://ift.tt/3eofZVQ
กีฬา
Bagikan Berita Ini
0 Response to "สกู๊ปน. 1 : ทัพกีฬาไทย บุกโตเกียว2020 ลุ้นชิงทองโอลิมปิก - มติชน"
Post a Comment