สาระสำคัญของการออกมาเคลื่อนไหว และกดดันให้ทบทวนรายชื่อผู้เหมาะสมกับการดำรงตำแหน่งอธิการบดีนั้น ผู้ใกล้ชิดกับเหตุการณ์ได้รายงานว่า เป็นเพราะรายชื่อของบุคคลที่กลุ่มตนเองสนับสนุน ไม่อยู่ในโผที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาของสภามหาวิทยาลัย ด้วยเหตุนี้แทนที่มหาวิทยาลัยจะมีผู้นำตัวจริง สำหรับการผลักดันหรือเดินหน้าในการบริหารจัดการองค์กร กลับต้องชะงักและสูญเสียโอกาสไปโดยใช่เหตุ
จากมูลเหตุดังกล่าว จึงนำไปสู่การถกเถียงและนินทาของสังคม โดยเฉพาะนักบริหารตลอดจนนักวิชาการ หรือคณาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ ว่า เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นสำหรับคนในวงการกีฬา และการพลศึกษา ที่สังคมคาดหวังและมองว่าคนในองค์กรนี้ น่าจะเป็นผู้ที่มีสปิริตและเปี่ยมล้นไปด้วยการมีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ และรู้อภัย ดังเนื้อหาสาระที่ปรากฏในเพลงกราวกีฬาซึ่งครูเทพ หรือเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีได้ประพันธ์ไว้ และชาวพลศึกษาทั่วประเทศต่างยึดเป็นแนวปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน
ต่อกรณีการที่มีกลุ่มบุคคลออกมาเคลื่อนไหว ให้มีการทบทวนรายชื่อผู้เหมาะสม กับการดำรงตำแหน่งอธิการบดีของมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติในครั้งนั้น ใช่ว่าจะจบลงที่สภามหาวิทยาลัย ในการที่จะเดินหน้าเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับเท่านั้นไม่
ซึ่งต่อมานายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางไปยื่นคำร้องต่อรมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงต่อ 35 ผู้บริหาร ทั้งส่วนกลาง วิทยาเขต และโรงเรียนกีฬาสังกัด มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ที่ได้รวมกลุ่มกันเดินทางไปยื่นหนังสือที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
สาระสำคัญที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ต้องยื่นคำร้องต่อเจ้ากระทรวงการท่องเทียวและกีฬาในครั้งนั้น สืบเนื่องมาจากที่กลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งดังกล่าวแล้ว ไปยื่นหนังสือคัดค้านรายชื่อบุคคลที่ผ่านการสรรหาตามระเบียบข้อบังคับ ที่ผู้เกี่ยวข้องจะต้องนำเสนอต่อสภามหาวิทยาลัยฯเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ
ในประเด็นนี้ เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ชี้ให้เห็นว่าเป็นประเด็นที่น่าสงสัยว่า คณะกรรมการสรรหาฯ ยังไม่ได้มีการแจ้งรายชื่อผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดีต่อสาธารณะ ฉะนั้น รายชื่อที่กลุ่ม 35 ผู้บริหารออกมาคัดค้านและเผยแพร่ตามสื่อนั้น คณะที่มายื่นหนังสือจะล่วงรู้ได้อย่างไรว่า คณะกรรมการสรรหาฯ จะพิจารณาให้ใครดำรงตำแหน่งอธิการบดี ทั้งๆ ที่รายชื่อยังอยู่ในชั้นความลับการนำรายชื่อบุคคลต่างๆ มาเปิดย่อมเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ประกอบตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ พ.ศ. 2544 ได้
ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น นายศรีสุวรรณ ระบุว่า ในวันดังกล่าวมีบุคคลหลายคน ได้ทำเรื่องขออนุมัติเดินทางไปร่วมพิธีเปิดอาคารโรงฝึกกีฬาอเนกประสงค์ ของมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตยะลา แต่เหตุใดจึงปรากฏรวมกลุ่มกันเดินทาง ไปยื่นหนังสือที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในวันเดียวกับการขอไปราชการที่จังหวัดยะลาได้
จากมูลเหตุที่เห็นว่า มีความไม่ชอบมาพากลจึงนำไปสู่การยื่นร้องเรียนต่อรมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อขอให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเอาผิดกับ 35 ผู้บริหาร ที่ได้รวมกลุ่มกันเดินทางมายื่นหนังสือที่กระทรวงฯ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2563 รวมทั้งขอให้สั่งการให้ปลัดกระทรวง ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาอธิการบดี เร่งเสนอรายชื่อผู้ที่ผ่านการสรรหาอธิการบดี ให้สภามหาวิทยาลัยมีมติเลือกและรับรองต่อไป เพื่อให้งานมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้
ปมปัญหาของการได้มา ซึ่งอธิการบดีสถาบันแห่งนี้ ยังไม่จบเท่านั้นเมื่อกระแสการเรียกร้องยังไม่ได้ดำเนินการให้ปรากฏในเชิงประจักษ์อย่างแท้จริง ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการการกีฬาฯ ของสภาผู้แทนราษฎร จึงต้องออกมาเคลื่อนไหวด้วยการเชิญผู้เกี่ยวข้องของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปชี้แจงในประเด็นต่างๆ รวมทั้งมอบหมายให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จในเร็ววัน
และล่าสุดมีรายงานว่า ในเร็วๆ นี้ จะมีสมาชิกวุฒิสภาบางท่านที่สนใจ และติดตามปัญหานี้มาอย่างยาวนาน เตรียมที่จะยื่นกระทู้ถามเพื่อให้รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้แจงเหตุผลและสาระของปัญหา ให้เป็นที่ปรากฏกันอีกครั้งหนึ่ง (ต่อตอนหน้า)
ผศ.ดร.รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร
- บี บางปะกง -
https://ift.tt/3kocX7N
กีฬา
Bagikan Berita Ini
0 Response to "มหากาพย์... 'ม.การกีฬาแห่งชาติ' (2) - ไทยรัฐ"
Post a Comment