IoT แบบไหนบ้าง? ที่จะเข้ามาช่วยพัฒนาเมืองและชีวิตคนไทย
ในมุมมองของภาครัฐสามารถนำเทคโนโลยี IoT เข้ามาเก็บข้อมูลให้เป็น Big Data และจัดการบริหารพัฒนาเมืองและคุณภาพสาธารณูปโภคต่างๆได้ง่ายขึ้น หรือที่เรียกว่า Smart City ซึ่งประกอบไปกด้วย 7 ด้านด้วยกัน ดังนี้
สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment) ซึ่งเทคโนโลยี IoT จะสามารถเก็บข้อมูลอากาศและมลภาวะ และเข้าไปแก้ไขปัญหาก็จะทำให้สิ่งแวดล้อมในประเทศไทยดีขึ้น
การเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) เพิ่มความสะดวก ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยในการเดินทางและขนส่ง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
การดำรงชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living) เช่น การบริการด้านสุขภาพให้ประชาชนมีสุขภาพและสุขภาวะที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่สังคมสูงอายุ การเพิ่มความปลอดภัยของประชาชนด้วยการเฝ้าระวังภัยจากอาชญากรรม ไปจนถึงการส่งเสริมให้เกิดสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการดำรงชีวิตที่เหมาะสม
พลเมืองอัจฉริยะ (Smart People)
พัฒนาพลเมืองให้มีความรู้และสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ทั้งในเชิงเศรษฐกิจและการดำรงชีวิต สร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการเรียนรู้นอกระบบ รวมถึงการส่งเสริมการอยู่ร่วมกันด้วยความหลากหลายทางสังคม
พลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy)
เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเมือง หรือใช้พลังงานทางเลือกอันเป็นพลังงานสะอาด (Renewable Energy) เช่น เชื้อเพลงชีวมวล ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และไฟฟ้าจากพลังงานอื่นๆ เป็นต้น
เศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy)
เพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ สร้างให้เกิดความเชื่อมโยงและความร่วมมือทางธุรกิจ และประยุกต์ใช้นวัตกรรม ในการพัฒนาเพื่อปรับเปลี่ยนธุรกิจ (เช่น เมืองเกษตรอัจฉริยะ เมืองท่องเที่ยวอัจฉริยะ เป็นต้น)
การบริหารภาครัฐอัจฉริยะ (Smart Governance)
มุ่งเน้นพัฒนาระบบบริการเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการภาครัฐสะดวก รวดเร็ว เพิ่มช่องทางการมีส่วนร่วมของประชาชน รวมถึงการเปิดให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลทำให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้
นอกจาก Smart City แล้วปัจจุบัน IoT ยังเข้ามาช่วยพัฒนาชีวิตผู้คนทั่วโลกได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นแกดเจ็ตอย่าง Smart Watch ที่สามารถรู้สุขภาพของตัวเองได้แบบเรียลไทม์ กล้องวงจรปิดที่มีระบบเตือนภัยอัตโนมัติ ซึ่งอนาคตเราอาจนำเทคโนโลยีเหล่านี้เชื่อมโยงกับโรงพยาบาลหรือสถานีตำรวจและเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินหรืออันตรายเราจะสามารถควบคุมได้ง่ายขึ้นและป้องกันได้ก่อนเหตุการณ์อันตราย
สุดท้ายนี้บางคนอาจยังไม่รู้จักเทคโนโลยี IoT โดยละเอียด แต่ชีวิตคนไทยในปัจจุบันก็ได้มีโอกาสสัมผัส IoT ในชีวิตประจำวันไปแล้วโดยไม่รู้ตัว เช่นการสั่งงานด้วยเสียง เช่น Siri , การสตาร์ทรถผ่านแอปพลิเคชั่น แต่หากประเทศไทยและภาครัฐและเอกชนนำระบบนี้มาใช้อย่างจริงจัง เชื่อว่าชีวิตคนไทยจะสะดวกสบายและคุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างแน่นอนในหลากหลายด้าน
ที่มา : depa , คุณนิติ เมฆหมอก นายกสมาคมไอโอที
อ่านบทความและอื่น ๆ ( ส่องอนาคตเมืองไทย กับระบบ IoT พัฒนาชีวิตคนไทยให้ดีและง่ายขึ้นกว่าที่เคย - SpringNews )https://ift.tt/rcxULuA
แกดเจ็ต
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ส่องอนาคตเมืองไทย กับระบบ IoT พัฒนาชีวิตคนไทยให้ดีและง่ายขึ้นกว่าที่เคย - SpringNews"
Post a Comment